วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

Moet & Chandon's History



“แชมเปญ” ถือเป็นน้ำเมรัยคลาสสิกที่ใช้เป็นสัญลักษณ์ในการเฉลิมฉลองความสำเร็จ เป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ และเป็นการเริ่มต้นของสรรพสิ่ง

ชื่อ “แชมเปญ”เป็นชื่อแคว้นในประเทศฝรั่งเศส ที่อยู่ห่างจากปารีสประมาณ 90 ไมล์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งแคว้นนี้จะมีเนื้อที่ปลูกองุ่นจำกัด จึงทำให้ผลผลิตแชมเปญมีจำนวนจำกัดไปด้วย





แชมเปญขวดแรกได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเมื่อปี 1668 โดย บาทหลวง พิแยร์ เพอรินยอง ซึ่งนำองุ่นพันธุ์ขาวพันธุ์ต่างๆ จากกว่า 300 หมู่บ้านในแคว้นแชมเปญมาคั้นและผสมผสานกัน อีกทั้งเป็นผู้คิดค้นขั้นตอนการหมักครั้งที่ 2 ในขวด เก็บบ่มให้เกิดฟองตามธรรมชาติ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการผลิตแชมเปญในแคว้นนี้ของฝรั่งเศสเท่านั้น ที่สามารถใช้ชื่อนี้ได้ ส่วนไวน์พรายฟองที่ผลิตจากพื้นที่อื่นๆ จะนิยมเรียก สปาร์กกลิ้งไวน์เท่านั้น
แชมเปญทำมาจากองุ่น 3 สายพันธุ์คือ ชาดอนเนย์ ผสมกับพิโนนัวร์และพิโน มูนนิเอย์ ซึ่งส่วนมากจะมีการผลิตที่คงที่ คือมีสูตรผสมตายตัวที่ผสมน้ำองุ่นนานหลายๆ ปีที่ให้รสชาติคงที่ แชมเปญแบบนี้เรียกว่า Non Vintage คือไม่ระบุปีที่ผลิต
แต่ถ้าปีใดที่ภูมิอากาศดีทำให้องุ่นมีรสชาติดีมีเอกลักษณ์ ซึ่งจะทำให้รสชาติของไวน์และแชมเปญของปีนี้รสชาติดีไปด้วย ผลผลิตในปีนั้นจะเรียกว่า Vintage






โมเอ็ท&ชองดอง เป็นแชมเปญจากเขตโก๊ด เดส์ บลองส์ ถือเป็นแชมเปญติดอับดันท็อปไฟฟ์ของโลก กำเนิดเมื่อปี 1743 เมื่อ โคล็ด โมเอ็ด ทายาทตระกูลผลิตแชมเปญยักษ์ใหญ่แห่งเมืองแรมส์ ซึ่งนำวิธีการผลิตของบาทหลวงดอม เพอรินยองมาสร้างสรรค์ใหม่ จนกระทั่งสามารถขยายอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อ The House of Moet ขึ้น
ยุคทองของโมเอ็ทเป็นสมัยของฌอง เรอมี่ หลานชายผู้ก่อตั้ง ที่ส่งแชมเปญออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ในยุโรป โดยเป็นที่โปรดปรานของราชวงศ์ต่างๆ อาทิ นโปเลียนซึ่งสนิทสนมกับเรอมี่ตั้งแต่สมัยโรงเรียนทหาร, พระราชินีวิกตอเรีย, ดยุคแห่งเคมบริดจ์และเจ้าชายแห่งบาวาเรีย เป็นต้น
หลังจากนั้น เรอมี่ได้มอบกิจการให้บุตรชายคือวิคเตอร์ โมเอ็ท และบุตรเขยคือ ปีแอร์ กาเบรียล ชองดอง ร่วมดำเนินกิจการ จึงเปลี่ยนเป็นชื่อ Moet & Chandon มาถึงปัจจุบัน และในปี 1971 กลุ่มโมเอ็ทได้รวมกิจการเข้ากับกลุ่มเฮนเนสซี่ผู้ผลิตคอนญัก จึงกลายเป็นบริษัท โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ส่วนประเทศไทยนั้น บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่(ประเทศไทย) เป็นผู้นำเข้ามาจำหน่าย




และเมื่อไม่นานนี้ ปภาณิน สุขวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์แชมเปญและไวน์ ได้ทำการเปิดตัว โมเอ็ท & ชองดอง แกรนด์วินเทจ 2000 ที่อัสสราวิลล่า&สวีท หัวหิน โดยเป็น Vintage ลำดับที่ 67 นับจาก Vintage รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1842 มีส่วนผสมขององุ่นพันธุ์ชาร์ดอนเนย์ 50 % พิโนนัวร์ 34 % และพิโน มูนนิเอย์ 16 % บ่มหมักประมาณ 5 ปี เพื่อให้เกิดพรายฟองนุ่มละมุน

อาร์โนลด์ ไมรีย์ แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแชมเปญกล่าวถึง Vintage 2000 ว่า “สำหรับแชมเปญแกรนด์วินเทจนั้น ไม่สามารถผลิตได้ทุกปี และในแต่ละปีก็จะให้รสชาติไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศ สำหรับโมเอ็ท & ชองดอง แกรนด์วินเทจ 2000 ขวดนี้เหมาะสำหรับจะดื่มคู่กับอาหารประเภทซีฟู้ดมากที่สุด”


http://www.manager.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น